ก
ก
ก

TH
สกสค. ร่วมงานครบรอบ 22 ปี สพฐ. ยืนหยัด “องค์กรคุณภาพ สร้างคนดี มีความสุข”
8 ก.ค. 2568
รายละเอียด
สกสค. ร่วมงานครบรอบ 22 ปี สพฐ. ยืนหยัด “องค์กรคุณภาพ สร้างคนดี มีความสุข”
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) นำโดย ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. พร้อมด้วย นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ นายสุชาติ กลัดสุข และ นางสาวชนนิกานต์ สืบชนะ รองเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. ผู้บริหารและพนักงานเจ้าหน้าที่ สกสค. ร่วมงาน “ครบรอบ 22 ปี วันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ” ณ ลานอาคารสามัญ 99 กระทรวงศึกษาธิการ
งานนี้ได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธี โดยมี ผศ.ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหาร พนักงานเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ บุคลากรในสังกัด สพฐ. และแขกผู้มีเกียรติร่วมงาน
ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ตนถือเป็นผลผลิตของ สพฐ. เพราะ 30 ปีที่แล้ว ตนได้จบจากการศึกษาจากโรงเรียนสังกัดของ สพฐ. ซึ่งที่ผ่านมามีเสียงสะท้อนว่า การศึกษาไทยไม่ได้เรื่อง ใช้ไม่ได้ และต้องมีการปฏิรูป โดยตนอยากให้ทุกคนได้ถามตัวเองว่า การศึกษาไทยเป็นอย่างที่สังคมได้สะท้อนมาหรือไม่ ดังนั้นทุกคนจะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าเรามีดีพอ ซึ่งตนได้พิสูจน์ตัวเองจากการจบการศึกษาในโรงเรียนสังกัด สพฐ. แล้วว่า ตนสอบชิงทุนการศึกษาได้และมีคะแนนสูงกว่านักเรียนต่างชาติ ทั้งนี้ ตนจึงอยากให้ทุกคนเชื่ออยู่เสมอว่าการศึกษาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ขณะเดียวกันการศึกษาไทยก็ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้น เนื่องจากการศึกษายังมีข้อจำกัดหลายด้านไม่ว่าจะเป็นกฎหมายหรือทรัพยากร ตนจึงอยากให้ทุกคนช่วยกันก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ เหล่านี้ไปให้ได้ด้วยความร่วมมือจากชาว สพฐ. ทุกคน
รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้การทำงานของตนไม่อยากให้ยึดการบริหารงานแบบเจ้านายลูกน้อง ตนอยากทำงานในรูปแบบของครอบครัว ดังนั้นอยากให้ทุกคนมาเป็นครอบครัวการศึกษา มีเรื่องใดที่ติดขัดก็ขอให้มาพูดคุยหารือร่วมกันได้ ซึ่งตนขอชื่นชมผู้บริหาร สพฐ. ทั้งในอดีตและปัจจุบันรวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการทุกคนที่ผ่านมาด้วย เพราะบุคลากรเหล่านี้มีคุณูปการที่ช่วยพัฒนาการศึกษาไทยจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นนโยบายอะไรที่ทำได้และเป็นประโยชน์กับประชาชนก็พร้อมจะสานต่อ แต่ตนมีนโยบายที่อยากเพิ่มเติมโดยเฉพาะงานของ สพฐ. ที่จะต้องลดภาระงานครู โดยเฉพาะการแก้ปัญหาครูการเงิน ครูพัสดุ ที่จะดำเนินการอย่างไรให้ครูทั่วประเทศมีเวลามาพัฒนางานสอนของตัวเอง ดังนั้นประเด็นภาระงานครูจึงถือเป็นภารกิจแรกของตนที่จะทำงานร่วมกับ สพฐ. ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน นอกจากนี้ตนจะดูแลสวัสดิการครู เพราะเท่าที่ทราบสวัสดิการครูยังไม่เพียงพอ ซึ่งเร็ว ๆ นี้ จะมีการวางแนวทางการเพิ่มสวัสดิการครูร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ต่อไป
รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังได้รับฝากประเด็นการศึกษามาด้วยว่า เรื่องการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งฝาก สพฐ. เพิ่มเติมวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ชัดเจน และครอบคลุมมากยิ่งขึ้นในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเรื่องการปรับหลักสูตรนั้นเราจะต้องมีการปรับหลักสูตรให้เหมาะสมตามบริบทของพื้นที่ และหลักสูตรจะสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วย ส่วนที่ตนต้องการเพิ่มเติมเรื่องวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองนั้น อยากให้เด็กไทยทุกคนได้ตระหนักรู้ถึงประวัติศาสตร์การเมือง การปกครอง และหน้าที่ของตัวเอง เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยมีการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
“ขอให้กำลังใจชาว สพฐ. ทุกคน โดยการบริหารงานของดิฉันจากนี้ไปไม่อยากให้มีนโยบายที่ออกมาจากส่วนกลางเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะมีการหารือกับ สพฐ. ที่จะนำเสียงของครูและผู้แทนองค์กรครูต่าง ๆ มาร่วมกำหนดนโยบายการศึกษาด้วย และจากนั้นจะมาตกผลึกนโยบายการศึกษาแล้วจะมาหารือร่วมกันอีกครั้งว่า เราจะทำอะไรบ้างที่เป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อครูและนักเรียนบ้าง เนื่องจากเราเป็นฝ่ายการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ข้าราชการประจำยังต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่” ศ.ดร.นฤมล กล่าว
พร้อมกันนี้ สพฐ. ได้จัดพิธี Kick-off การใช้ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของ สพฐ. อย่างเป็นทางการ ในชื่อระบบสำนักงานดิจิทัล OBEC-DO (OBEC Digital Office) โดยทุกสำนักของ สพฐ. จะใช้ระบบดิจิทัล ในการรับ-ส่งงาน เสนองาน ลงนามเอกสารต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล เพื่อลดการใช้กระดาษ เพิ่มความรวดเร็ว ประหยัด และมีประสิทธิภาพ ยกเว้นเอกสารที่จำเป็นยังคงใช้กระดาษตามเหมาะสม โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
นุชรี นงนุช : ภาพ/ข่าว/กราฟิก
กทส. สอ. สกสค.